วันที่: 17-09-2013
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอ่ยถึงความรู้สึกเมื่อเราต้องทนกับการกระทำดังกล่าว เราอาจจะบอกกับตัวเองว่า "งั้นก็มองไปทางอื่นเสียสิ" แต่เป็นไปไม่ได้หนอกครับ ธรรมชาติของมนุษย์อย่างหนึ่งคือชอบชำเลืองมองสิ่งที่น่ากลัว! บางครั้งด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่บ่อยครั้งแล้วด้วยความประหลาดใจ! บางครั้งภาพเหตุการณ์ความตะกละจากที่นั่งอื่นจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของเราในมื้อนั้น ความหิวของเราจบสิ้นลง ณ ตอนนั้น หรือจะพูดก็ได้ว่า ความเจริญอาหารถูกระงับลง เพราะมีผู้อื่นรับประทานแทนให้เรียบร้อยแล้ว แล้วเราก็จะค่อยๆ จับคู่ตาของเราไปยัง "การแสดงอันยิ่งใหญ่" นั้นพร้อมกับถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกใหญ่
ไม่แปลกเลยที่บัณฑิตชื่อดังด้านยารักษาโรค ประกาศว่า "เราเป็นในสิ่งที่เรากิน!" เครื่องหมายตกใจนี้เก็บไว้ในใจนะครับ เราค่อนข้างเห็นด้วยกับผองเพื่อนผู้ผลิตยาเหล่านี้ เมื่อได้เห็นคนบางคนกินจนกระทั่งคิดว่าตัวเองคงจะไม่หิวอีกต่อไปแล้ว
แต่การยอมตามใจตนเองนั้นมีมากกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารจะให้คำตอบได้ ยกตัวอย่างเช่น มีคนใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอยู่ผู้หนึ่ง เราทุกคนรู้จักเขาดี เขาอยู่ทฤษฎีว่า เขามีเงินที่ใช้จ่ายได้ทุกสิ่งในโลก และหลังจากที่เขาตายไปเนิ่นนาน คนที่ยังคงใช้เงินก้อนนั้นอยู่จะจดจำความมีน้ำใจของเขาไว้ในทุกขณะหัวใจเต้น ฝันไปเถอะ!
ไม่ว่าความทรงจำเกี่ยวกับเขาจะคงอยู่อย่างไรก็ตาม มันจะไม่เหมือนกับที่เขาคาดหวังไว้ สำหรับคนที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับความต้องการ "ให้เปล่า" นี้จะเริ่มกลับมาเข้าควบคุมการเป็นอยู่ของตัวเองอีกครั้ง เหมือนก่อนที่จะถูกท่านเศรษฐีใหญ่ผลักดันพวกเขาออกจากเส้นทาง ซึ่งสร้างความกังวลใจให้กับพวกเขาไม่มีความจำเป็นอีกแล้วที่พวกเขาจะต้องหลบหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการชี้นำของเขา
เขาก็จะรู้หมดทุกสิ่งทุกอย่างว่าเราต้องการอะไร เขารู้มากจนเกินกว่าที่เราจะคาดเดาได้ ซึ่งทำให้ชีวิตของเราทั้งหมดถูกทิ้งไว้ให้กับกลไกที่เขาวางไว้ทั้งหมด เขาจะให้เราสูบยี่ห้อเดียวกับเขา ดื่มตราเดียวยกับเขา รับประทานอาหารในการเลือกสรรของเขา ใส่ผ้าพันคอ เสื้อคลุม หมวก รองเท้า และชุดชั้นในแบบเดียวกับเขาและเพื่อทำให้ข้อเสนอของเขาดูดี น่าฟังขึ้นเล็กน้อย คือเขาพี้อมจะจ่ายให้กับเราทั้งหมด และความบันเทิงเหล่านี้ เราก็น่าที่จะแสดงบทบาทของผู้รับที่ดีและยกย่องความใจกว้างของเขา
|
|
|